มะพร้าวกะทิเป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในเขตที่มีการปลูกมะพร้าวในภูมิอากาศเขตร้อน โดยมักนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในขนมหวานหลายชนิด เช่น ขนมรวมมิตร ทับทิมกรอบ มะพร้าวกะทิลอยแก้ว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานสดได้อีกด้วย มะพร้าวกะทิมักจะมีราคาสูงกว่ามะพร้าวธรรมดาหลายเท่า โดยราคาขายของมะพร้าวกะทิอยู่ที่ประมาณ 50-150 บาทต่อผล
ขณะที่มะพร้าวธรรมดามีราคาเพียง 5-20 บาทต่อผล จึงทำให้เกิดคำถามว่าทำไมจึงไม่มีการเพาะพันธุ์และปลูกมะพร้าวกะทิอย่างจริงจัง? ดังนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับมะพร้าวกะทินี้จึงมีความสำคัญเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปลูกและการเลือกซื้อต้นกล้าพันธุ์มะพร้าวกะทิลูกผสมและพันธุ์แท้
ทำความรู้จักมะพร้าวกะทิ
มะพร้าวกะทิ คือมะพร้าวที่มีผลเนื้อหนากว่าปกติ โดยมีลักษณะนิ่ม อ่อนนุ่ม และฟูพอสมควร เนื้อภายในมีความฟูเต็มกะลา น้ำมะพร้าวมีความข้นเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีลักษณะเหนียว เนื้อมะพร้าวนิ่มและฟู มีความหนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผิวหน้ามีความขรุขระ คล้ายคลึงกับผิวของมะกรูด และมีความนุ่มชุ่มน้ำ หรือน้ำมีลักษณะคล้ายครีม ซึ่งมีรสชาติหวานมัน
ที่มาของมะพร้าวกะทิ
ผลมะพร้าวกะทิส่วนใหญ่เกิดจากต้นมะพร้าวที่ผลิตผลเป็นมะพร้าวธรรมดาเป็นหลัก แต่บางครั้งอาจจะเกิดเป็นมะพร้าวกะทิ โดยที่สาเหตุยังไม่ชัดเจน บางคนกล่าวว่าเกิดขึ้นจากทะลายที่อยู่ทางทิศตะวันออก ขณะที่บางคนมองว่าเป็นไปได้จากทะลายที่ทางทิศตะวันตก ในแต่ละทะลายหนึ่ง ๆ มักจะมีผลมะพร้าวกะทิประมาณ 1-3 ผล เนื่องจากผลมะพร้าวกะทิเมื่อนำไปเพาะจะไม่งอก ชาวสวนจึงมักจะใช้ผลมะพร้าวธรรมดาจากต้นที่เคยออกผลเป็นกะทิไปเพาะ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีผลเป็นมะพร้าวกะทิ แต่ก็ไม่เสมอไปค่ะ
มะพร้าวกะทิมีประโยชน์มากมาย
1. สารอาหารที่มีคุณค่า : มะพร้าวกะทิอุดมไปด้วยไขมันดี (กรดไขมันอิ่มตัว) วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น เหล็ก ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยสนับสนุนระบบการทำงานของร่างกาย
2. ใช้ทำอาหาร : มะพร้าวกะทิมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบหลักในอาหารหวาน อาทิเช่น ขนมไทยหลายชนิด (ขนมรวมมิตร ทับทิมกรอบ) รวมถึงการทำแกงกะทิที่เพิ่มความหอมมัน
3. ให้พลังงาน : มะพร้าวกะทิสามารถให้พลังงานที่สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนักกีฬา